เสือมังกรกับบาคาร่า ต่างกันกันอย่างไร

เสือมังกร หรือ ฉายาเกมไพ่ใบเดียว เกมที่มีอุปกรณ์ วิธีการเล่นเดิมพัน ที่คล้ายคลึงกับ บาคาร่าที่สุด วันนี้เรามีข้อแตกต่างระหว่างเสือมังกรและบาคาร่า เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักเล่นมือใหม่ทุกคน

เสือมังกร

สำหรับเกมไพ่เสือมังกรนั้นจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝั่งคือ ฝั่งเสือ กับ ฝั่งมังกร ซึ่งนักพนันจะต้องเลือกเดิมพันว่าฝั่งไหนจะเป็นฝั่งชนะระหว่างฝั่งเสือกับฝั่งมังกร โดยทั้งสองฝั่งจะได้รับไพ่ฝั่งละ 1 ใบ แล้ววัดผลการเดิมพันทันที ซึ่งฝั่งที่ชนะการเดิมพันจะได้แต้มมากกว่า โดยจะมีการนับแต้มจากหน้าไพ่ดังนี้ ไพ่ K = 13 คือจำนวนแต้มที่สูงสุด และไพ่ที่มีจำนวนแต้มน้อยที่สุด คือ ไพ่ A = 1 แต้ม ส่วนหน้าไพ่อื่น ๆ จะนับเรียงตามลำดับดังนี้ A – 2 – 3 – 4 – 5 – 6 – 7 – 8 – 9 – 10 – J – Q – K

สำหรับไพ่ เสือมังกร จะมีวิธีการวางเดิมพัน และ อัตราการจ่ายเมื่อเราชนะดังนี้

เสือ (Tiger) เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะชนะ โดยฝั่งเสือจะต้องมีแต้มมากกว่าฝั่งมังกร อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1

มังกร (Dragon) เป็นการทายว่าฝั่งมังกรจะชนะ โดยฝั่งมังกรจะต้องมีแต้มมากกว่าฝั่งเสือ อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1 เหมือนกัน

เสมอ (Tie)เป็นการทายว่าผลที่ออกมาทั้งสองฝั่งจะเสมอกัน โดยฝั่งเสือและฝั่งมังกรจะต้องได้แต้มเท่ากันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีดอกไพ่เหมือนกัน สำหรับอัตราการจ่ายเมื่อแทงฝั่งเสมอจะสูงถึง 1 : 8 เลยทีเดียว

เสือคู่ เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะได้ไพ่แต้มคู่ อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1 แต่ถ้าฝั่งเสือได้แต้มคี่หรือมีอยู่ 7 แต้ม เราก็จะเสียเงินเดิมพันไป

เสือคี่ เป็นการทายว่าฝั่งเสือจะได้ไพ่แต้มคี่ อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1 แต่ถ้าฝั่งเสือได้แต้มคู่หรือออก 7 แต้ม แบบนี้เราจะไม่ได้รับรางวัล

มังกรคู่ คล้ายกับการแทงเสือคู่คือฝั่งมังกรจะต้องได้แต้มคู่เท่านั้นถึงจะชนะ แต่ถ้าหากออกมาเป็นแต้มคี่หรือได้ 7 แต้ม ก็จะถือว่าแพ้  อัตราการจ่ายคือ 1 : 1 

มังกรคี่ คล้ายกับการแทงเสือคี่ อัตราการจ่ายอยู่ที่ 1 : 1 ซึ่งฝั่งมังกรจะต้องได้ไพ่แต้มคี่เท่านั้นถึงจะชนะ ยกเว้นการได้ 7 แต้มจะถือว่าแพ้เหมือนกับการได้ไพ่แต้มคู่

บาคาร่า

บาคาร่า เป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งจะมีวิธีการเล่นที่ค่อนข้างง่าย โดยจะมีรูปแบบการเดิมพันคือ ฝั่งเจ้ามือ ฝั่งผู้เล่น และ เสมอ ซึ่งในการเดิมพันนั้นนักพนันจะต้องทายว่าฝั่งไหนจะเป็นฝั่งชนะซึ่งฝั่งที่จะมีแต้มสูงสุด คือ 9 แต้ม ผู้เล่นทั้งสองฝั่งจะได้รับไพ่ฝั่งละ 2 ใบ หากผู้เล่นฝั่งไหนมีแต้มน้อยกว่า 5 แต้ม สามารถขอไพ่ใบที่ 3 ได้ จากนั้นก็จะทำการวัดผลแพ้ชนะทันที

การเล่น บาคาร่า จะมีวิธีการวางเดิมพัน และ อัตราจ่ายดังนี้

ผู้เล่น (Player) เป็นการทายว่าฝั่งผู้เล่นจะชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ 1 : 1

เจ้ามือ (Banker) เป็นการทายว่าฝั่งเจ้ามือจะชนะ อัตราจ่ายอยู่ที่ 1 : 1

เสมอ (Tie) เป็นการทายว่าทั้งสองฝั่งจะได้แต้มเท่ากัน อัตราจ่ายคือ 1 : 1

ผู้เล่นคู่ เป็นการทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งผู้เล่นจะมีหน้าไพ่เหมือนกัน อัตราจ่ายคือ 1 : 11

เจ้ามือคู่ เป็นการทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งเจ้ามือจะมีหน้าไพ่เหมือนกัน อัตราจ่ายคือ 1 : 11

ผู้เล่นป๊อก 8 เป็นการทายว่าแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งผู้เล่นจะมีแต้มเท่ากับ 8 แต้ม อัตราจ่ายคือ 1 : 8

ผู้เล่นป๊อก 9 เป็นการทายว่าแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งผู้เล่นจะมีแต้มเท่ากับ 9 แต้ม อัตราจ่ายคือ 1 : 8

เจ้ามือป๊อก 8  เป็นการทายว่าแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งเจ้ามือจะมีแต้มเท่ากับ 8 แต้ม อัตราจ่ายคือ 1 : 8

เจ้ามือป๊อก 9 เป็นการทายว่าแต้มรวมของไพ่ 2 ใบแรกของฝั่งเจ้ามือจะมีแต้มเท่ากับ 9 แต้ม อัตราจ่ายคือ 1 : 8

เล็ก (Small) เป็นการทายว่าเกมรอบดังกล่าวจะสามารถจบด้วยไพ่ 4 ใบ (คือไม่มีการจั่วไพ่ใบที่ 3) อัตราจ่ายคือ 1 : 0.5

ใหญ่ (Big) เป็นการทายว่าเกมจะจบด้วยไพ่ 5-6 ใบ (คือมีการจั่วไพ่ใบที่ 3) อัตราจ่ายคือ 1 : 1.5

ซุปเปอร์ 6+ เป็นการทายว่าฝั่งที่ชนะจะชนะด้วยแต้ม 6 แต้ม หากชนะด้วยไพ่ 2 ใบแรก อัตราจ่ายคือ 1 : 12 แต่ถ้าชนะด้วยไพ่ 3 ใบ อัตราจ่ายคือ 1 : 18